ท่าอากาศยานดอนเมืองอยูห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 46 กิโลเมตร ถือเป็นท่าอากาศยานประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เปิดให้บริการมากว่า 100 ปี ปัจจุบันได้ทำหน้าที่ในการรองรับ Low Cost Carriers: LSSs และได้รับการจัดอันดับจาก CAPA Centre for Aviation (CAPA) ให้เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารสายการบินโลว์คอสต์มาใช้บริการมากที่สุดในโลก (World’s Business Low Cost Carrier Airports) ในปี 2559

จากการเติบโตของตลาดสายการบินโลว์คอสต์ ทำให้ปริมาณจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2560 ท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารรวม 37.1 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นผู้โดยสารต่างประเทศ 13.2 ล้านคนและในประเทศ 23.9 ล้านคนตามลำดับ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่ใช้บริการในท่าอากาศยานดอนเมือง คือ จีน ไทย และมาเลเซีย ตามลำดับ มีวัตถุประสงค์การเดินทางเพื่อการพักผ่อน ท่องเที่ยว และเยี่ยมครอบครัว โดยเดินทางส่วนตัวและจะใช้เวลาต่อทริปประมาณ 1-3 วัน

ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เปิดให้บริการอาคารผู้โดยสาร 2 อาคาร สำหรับอาคาร 1 ใช้เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 2 ใช้เป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศ และเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 5 (Pier5) รวมทั้งแนวทางเดินด้านทิศใต้ (South Corridor) ทำให้ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี

ในปี 2560 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้รองรับผู้โดยสารจาก 3 ภูมิภาคทีเดินทางผ่านเข้ามาเป็นปริมาณสูงสุดตามลำดับดังนี้ เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่3
ทอท. ได้จัดทำโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่3 ระหว่งปี 2561-2567 โดยการก่อสร้างประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ การก่อสร้างอาคาร Junction Building ซึ่งจะมีทางเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ เพื่อรองรับรถยนต์รวมทั้งหมดประมาณ 8,000 คัน คาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ท่าอากาศยานดอนเมืองจะคืนสภาพขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 40 ล้านคนต่อปี